วัดสีสะเกด นครเวียงจันทน์ มหาวิหารเก่าแก่ อาณาจักรล้านช้าง อายุ 700 กว่าปี (คลิป)


ประวัติวัดสีสะเกด มรดกแห่งศรัทธา ยุคเวียงจันทน์รุ่งเรือง

วัดสีสะเกด (Wat Sisaket) มรดกแห่งศรัทธา จุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรมลาว หรือชื่อเต็มในภาษาลาวว่า “วัดสะตะสะหัสสาราม” วัดเก่าแก่และทรงคุณค่าอย่างยิ่งของนครเวียงจันทน์ สปป.ลาว ถือเป็นวัดหลวงแห่งแรก สร้างขึ้นในนครหลวงของอาณาจักรลาวล้านช้าง อายุมากกว่า 700 ปี และยังคงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง สะท้อนความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในแผ่นดินลาว ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน

แม้ในตำนานจะกล่าวว่า สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคแรกของนครเวียงจันทน์ในอาณาจักรล้านช้างในปี พ.ศ. 2094 โดยพระเจ้าโพธิสารราช พระบิดาของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ในศตวรรษที่ 16  แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์และศิลปกรรมที่ยังคงปรากฏอยู่ในปัจจุบันว่าวัดสีสะเกด สร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2361 (ค.ศ. 1818) โดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 3 หรือพระเจ้าอะนุวงศ์ กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์เวียงจันทน์ ในช่วงที่นครเวียงจันทน์รุ่งเรืองสูงสุด ในปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

วัดสีสะเกด ตั้งอยู่ติดกับหอคำ อดีตพระราชวังหลวงของกษัตริย์ลาว และอยู่ ตรงข้ามหอพระแก้ว เคยเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต ถูกอัญเชิญจากเมืองเชียงใหม่ มาหลวงพระบาง กระทั่งย้ายราชธานีมาเวียงจันทน์ จึงมีการอัญเชิญมาเวียงจันทน์ ก่อนถูกอัญเชิญในปี พ.ศ. 2371 มายังกรุงธนบุรีในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ยกทัพไปตีเวียงจันทน์ และประดิษฐานในประเทศไทย จนถึงปัจจุบัน

วัดสีสะเกด ความสำคัญทางศิลปวัฒนธรรมและศรัทธา

ภายหลังปิพ.ศ. 2513 วัดสีสะเกดได้รับการปรับปรุงครั้งสำคัญ โดยรัฐบาลลาวได้เปลี่ยนสถานะของวัดจากสถานที่สักการะ มาเป็นพิพิธภัณฑ์วัดสีสะเกด เพื่อรวบรวมและจัดแสดง ประติมากรรม พระพุทธรูปนับพันองค์ และ โบราณวัตถุล้ำค่า สะท้อนถึงความงดงามและศรัทธาในพุทธศาสนา

นอกจากนี้ยังเป็นวัดแห่งเดียว ในเวียงจันทน์ที่ไม่ถูกทำลายในช่วงสงครามกับสยาม เนื่องจากรูปแบบการก่อสร้างที่ผสมผสานศิลปะกรุงรัตนโกสินทร์ของไทยและลาวเข้าด้วยกัน อาจเป็นสาเหตุให้รอดพ้นไม่ถูกเผาทำลายเหมือนกับวัดอื่นๆ และหลังจากสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2367 พระเจ้าอนุวงศ์ได้นำพาประชาชนลาว ร่วมบำเพ็ญบุญกุศุลเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน พร้อมกับหอพระไตรปิฎก ตั้งอยู่ทางซีกขวานอกระเบียงคด ซึ่งรอดพ้นจากการทำลายจากการตัดถนนล้านช้าง ถนนเส้นใหม่อย่างใจหายใจคว่ำ

หอพระไตรแห่งนี้ เป็นที่เก็บรักษาพระไตรปิฎก ตำราคัมภีร์ และเอกสารทางพระพุทธศาสนา มีความสวยงาม ด้วยลวดลายสีสรรสดใส โดยเฉพาะหลังคาโครงสร้างเป็นไม้และปูนซ้อน 3 ชั้น มีความคล้ายคลึงศิลปะของพม่า และแม้รอดพ้นจากการถูกเผาทำลาย แต่ ก็ถูกปล้นสะดมเอาพระไตรปิฎกไป จนหมดเกลี้ยง ทำให้เหลือเพียงหอพระไตร ตั้งตระหง่านให้แขกต่างเมืองมาเที่ยวชมเท่านั้น

ส่วนบริเวณหอพิพิธภัณฑ์ มีพระพุทธรูปองค์เล็ก ทำจากเงินและดินเผา อยู่ตามฝาผนังช่องเล็กๆ รอบระเบียงคด ทั้ง 4 ด้าน  หรือที่ชาวลาวเรียกว่า กมมะเลียน ตั้งล้อมรอบพระอุโบสถ รวมพระพุทธรูปทั้งสิ้น 10,136 องค์ จากจิตศรัทธาของประชาชน ได้พร้อมใจกันหล่อนำมาถวายในฐานะศิษยานุศิษย์สาวกของพระพุทธเจ้า

หอพระไตรปิฎก วัดสีสะเกด

จุดหมายแห่งศรัทธา นักเดินทางสายมู ต้องไม่พลาด

วัดสีสะเกด มีค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติ 30,000 กีบต่อคน  ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.  ถือเป็นจุดหมายแรกๆ ที่นักท่องเที่ยวสายบุญนิยมเดินทางไปเยือน เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต และสัมผัสบรรยากาศของอดีตที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ทั้งด้วยสถาปัตยกรรมไม้ ผนังพระวิหารที่ประดับพระพุทธรูปน้อยใหญ่จำนวนมหาศาล และกลิ่นอายของวัฒนธรรมลาวดั้งเดิมที่ยังคงงดงามไม่เสื่อมคลาย.

พระธาตุดำ ประตูสู่เมืองบาดาลพญานาค ผู้คุ้มครองนครเวียงจันทน์ จากศึกสยาม

นั่งรถไฟเที่ยวลาว ข้ามแดนแบบชิลๆ จากไทย สู่นครเวียงจันทน์

พญานาคแห่งขุนเขา เปิดตำนาน ‘วัดหลวงขุนวิน’ สุดขลังกลางหุบเขา

เวียงกุมกาม นครโบราณใต้พิภพ สมบัติแห่งล้านนาที่ถูกลืม