ไทยเสี่ยงภาวะเงินฝืด มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ Quick Big Win เพียงช่วยบรรเทา แนะต้องปรับโครงสร้างใหญ่ หนีรั้งท้ายอาเซียน กับดักซ้ำซ้อนกดทับประชาชนฐานราก
รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เตือนเศรษฐกิจไทยกำลังเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืด หลังอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่อง 6 เดือน และอาจติดลบยาวถึงต้นปีหน้า สะท้อนภาวะชะลอตัวของการบริโภคและการส่งออก โดยเฉพาะหากไม่รวมทองคำและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ตัวเลขส่งออกเดือนสิงหาคมติดลบถึง 2%
Quick Big Win แค่บรรเทา ไม่พอพยุงเศรษฐกิจ
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ Quick Big Win ของรัฐบาลมีขีดจำกัด เพราะใช้งบประมาณเดิม ไม่ได้เพิ่มเม็ดเงินใหม่ ส่งผลให้กระตุ้นการบริโภคได้เพียงชั่วคราว รศ.ดร.อนุสรณ์ ระบุว่า ควรมีการเพิ่มงบประมาณใช้จ่ายและผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กต้องปิดตัวลง
เศรษฐกิจไทยติดกับดักโครงสร้าง-หนี้สินฐานราก
ไทยติดอยู่ใน “กับดักรายได้ปานกลาง” มานานกว่า 30 ปี แม้เคยมีอุตสาหกรรมส่งออกแข็งแกร่ง แต่หลังปี 2557 เศรษฐกิจเติบโตต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคฐานรากที่เปราะบาง เผชิญปัญหาซ้ำซ้อน ทั้งหนี้ครัวเรือน ความเหลื่อมล้ำ รายได้ต่ำ และการขาดเงินออม
นอกจากนี้ ประเทศยังเผชิญโครงสร้างประชากรสูงวัย คุณภาพแรงงานต่ำ การออมไม่เพียงพอ และขาดแรงงานทั้งระดับทักษะสูงและต่ำ ขณะที่ระบบราชการยังขาดการบูรณาการ มีคอร์รัปชันสูง และโครงสร้างพื้นฐานพัฒนาไม่ทันโลก
เศรษฐกิจไทย อาจร่วงอยู่อันดับ 5 อาเซียน ในปี 2030
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่า ขนาดเศรษฐกิจไทยอาจหล่นมาอยู่อันดับ 5 ของอาเซียนภายในปี 2030 ถูกเวียดนามและฟิลิปปินส์แซงหน้า โดยจีดีพีไทยจะอยู่ที่ 654 พันล้านดอลลาร์ จาก 558 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ หากอัตราการเติบโตยังไม่ถึง 2% ต่อปี
รศ.ดร.อนุสรณ์ แนะว่า ไทยต้องเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ มุ่งสร้างอุตสาหกรรมเป้าหมาย New S-Curve ลงทุนในนวัตกรรมและทุนมนุษย์ ยกระดับผลิตภาพ และเปิดกว้างการลงทุนต่างชาติให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี พร้อมพัฒนาตลาดทุนให้เป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากระบบพึ่งพาธนาคารสู่ระบบตลาดทุน เพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว.